‘บิ๊กโจ๊ก’ ขอลา 1 วันไปทำสมาธิ ไม่เข้าประชุม ก.ตร.
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังพบกับกลุ่มสมาคมชาวปักษ์ใต้ที่มาให้กำลังใจในการทำงาน
ลูกน้องทั้ง 8 คนที่ถูกศาลออกหมายจับ ได้ยื่นประกันครบทั้ง 8 คนอยู่ระหว่างรอศาลปล่อยตัว ส่วนกรณีที่ลูกน้องไปยุ่งเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับตน เจ้าตัวจะต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้ได้ว่า ใช้บัญชีม้าได้อย่างไร เงินทั้งหมดมีที่มาที่ไปอย่างไร หากกระทำผิดจริงก็จะต้องรับผิดในสิ่งที่ทำ
เรื่องบ้านทั้งหมด 5 หลังเป็นของเฮียแต๋ม เศรษฐีนักธุรกิจชาวอุดร เป็นญาติผู้ใหญ่ที่ตนให้ความเคารพนับถือ สนิทสนมกันมานาน ตั้งแต่สมัยเป็นสารวัตรเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เฮียเเต๋ม เคยไปให้การกับ ป.ป.ช.ว่าเป็นผู้ให้ตนอาศัยอยู่ที่บ้านโดยการเช่ารายเดือนเดือนละ 50,000 บาท มีการทำสัญญากันชัดเจน โดยตนจ่ายค่าเช่า 2 หลังที่ทำสัญญาเช่าเท่านั้น ส่วนเฮียแต๋มก็รับผิดชอบจ่ายค่าส่วนกลาง เพราะมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านจะต้องรับผิดชอบในส่วนนี้
ข้อเท็จจริงทั้งหมดนั้น เฮียเเต๋มจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนพร้อมทนายความวันที่ 27 กันยายน เชื่อว่าเฮียแต๋มจะชี้แจงได้ทุกประเด็น เฮียแต๋มเป็นนักธุรกิจ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาเป็นเงินบริสุทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบคำถามกรณีที่ให้เงินดูแลลูกน้องด้วยว่า เงินทั้งหมดที่ใช้จ่ายเป็นเงินของตน หากไปคำนวณให้ดูดีดี เงินของตนจะมากกว่าเงินของเว็บพนันเยอะ วันนี้ต้องพูดเรื่องจริงกันว่า ตนไม่ได้ใช้เงินจากเว็บพนัน หากไม่เอาเงินส่วนตัวมาใช้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะเอาเงินที่ไหนมาให้ใช้ แต่คนอื่นอาจจะไม่มีความพร้อมหรือความบ้าแบบตน ที่เอาเงินส่วนตัวมาทำงาน เพราะตนไม่มีลูก ก็เอาเงินส่วนนี้มาใช้ในการทำงาน แล้วที่มาของเงินตอบได้ทั้งหมด เพราะเฉพาะพ่อตาตนเสียชีวิต มรดกที่กำลังจะรับมอบที่แม่ยายเป็นผู้จัดการมรดกก็เกือบพันล้านแล้ว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อธิบายว่า ตนให้ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นคนจ่ายต่อเดือน 1,000,000 บาท แบ่งเป็นงบลับ 6 แสน ผบ.ตร.ก็รู้ ที่เหลือเป็นเงินส่วนตัว ซึ่งไม่มีใครทำแบบตนแล้ว แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ลูกน้องจะออกไปทำงานอย่างไร
“มันเป็นความบ้าคลั่งของผมอย่างหนึ่ง ไม่มีใครกล้าทำที่เสียสละเอาเงินส่วนตัวมาใช้ทำคดี เพราะอยากให้งานสำเร็จ ประชาชนคาดหวัง สุดท้ายคดีก็ออกมาดี จับคนผิดมาดำเนินคดีได้”
ประเด็นหลักคือเงินของลูกน้องเป็นเรื่องเฉพาะตัว เงินออนไลน์เป็นเรื่องเฉพาะตัว จะให้ไปตอบที่ไหนก็ตอบได้ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินส่วนนี้
ส่วนประเด็นเรื่องลูกน้องเดี๋ยวจะต้องไปถามดูว่าติดพนันหรือเปล่า เล่นเว็บพนันหรือเปล่า ไปใช้บัญชีม้าเพราะอะไร คนที่ใช้ได้ก็ต้องเอาไปใช้สำหรับในการเล่นการพนัน ถ้าเงินบริสุทธิ์ไม่ต้องใช้บัญชีม้า
“ไม่น้อยใจโดนมาเยอะแล้ว เรามันถูกหล่อหลอมให้อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก และไม่ได้มักมากในลาภผล”
ยืนยันว่าเงินที่โอนไปที่แม่ เป็นเงินของตน แต่ใครเอาเงินไปพันกับเว็บพนันก็ต้องชี้แจงให้ได้ แต่ตามหลักการตนชี้แจงได้ว่าเงินมาอย่างไร เอาเงินจากที่ไหนมาทำงาน เมื่อชี้แจงที่มาของเงินได้ ลูกน้องไปเปิดบัญชีม้าไปพันกับเว็บพนัน ก็เป็นเรื่องที่ลูกน้องต้องไปตอบ
อย่างเช่นโอนเงินเข้าไปให้ (พล.ต.ต.) นำเกียรติ หรือผู้กำกับคนนั้นคนนี้ ถ้าไปสอบใคร ทุกคนก็จะบอกว่านายโอนมาให้ทำงาน ก็จะต้องมาสอบตน เพราะนายโอนมาให้ทำงาน
ส่วน (พ.ต.อ.) ภาคภูมิ และ (พ.ต.ท.) คริษฐ์ ที่มีบัญชีเงินพัวพันกับ ‘มินนี่’ ก็ต้องไปตอบให้ได้ว่า ไปพัวพันกันได้อย่างไร ไปเล่นเว็บหรือเปล่า
เงินที่ให้ (พ.ต.ท.) คริษฐ์ ไปทุกเดือน พบว่า (พ.ต.ท.) คริษฐ์ เกิดการช็อต แต่ตนไม่อยากจะไปพูดว่าลูกน้องติดเว็บพนันหรืออะไร
ยืนยันว่าไม่ได้พัวพันทั้ง 7 คนหรอก แต่ (พ.ต.ท.) คริษฐ์ ดึงเงินเข้าไปพัวพันในบัญชีม้า เขาต้องตอบเรื่องนี้ และเท่าที่ทราบ (พ.ต.ท.) คริษฐ์ ไปยืมเงินรอบวง ส่วนจะช็อตเงินมานานหรือยัง จะรอถามข้อเท็จจริงก่อน เอาเป็นว่าตอนนี้รู้แล้วว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหน
วันนี้เมื่อตนออกมารับแล้วว่าเป็นเงินของตน และเป็นเงินบริสุทธิ์ ซึ่งมีมากกว่าเงินจากบัญชีม้าแน่นอน ก็ต้องมาสอบตนเองด้วย เงินหลักล้านที่ใช้ในการทำงาน ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเงินมาจากเว็บพนัน ตนแจกแจงได้หมดแน่นอน และคนที่ไม่มีเส้นเงินไปแตะกับ ‘มินนี่’ คนที่ไม่ใช้บัญชีม้า มันชัดเจนว่านี่เป็นเงินที่ผมให้ใช้ไปทำงาน แต่เงินที่มีบัญชีม้าไปแตะกับ ‘มินนี่’ เช่น (พ.ต.ท.) คริษฐ์ และ (พ.ต.อ.) ภาคภูมิ อันนี้ต้องมีคำตอบ
ในวันที่ 27 กันยายน จะลา 1 วัน เพื่อไปขอทำสมาธิจัดการเรื่องนี้ และในวันที่ 27 ก็ไม่ได้เข้าประชุม ก.ตร.แต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งนี้มองว่า ผบ.ตร.คนต่อไปต้องมีคุณสมบัติ ต้องสร้างศรัทธาให้ประชาชน และดูแลขวัญกำลังใจตำรวจ และการที่ตนจะเป็นผบ.ตร.หรือไม่ได้เป็น ไม่ใช่ตัวชี้วัด แต่การที่ทำอยู่วันนี้ ทำดีแล้วหรือยัง วันนี้พยายามทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นความศรัทธาเท่านั้น
การจะไปยื่นคำร้องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอให้ไต่สวนทางละเมิดกรณีการขอหมายจับของชุดจับกุม เพื่อขอความเป็นธรรม เพราะจะต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตนเองด้วย มั่นใจว่าทุกที่ให้ความเป็นธรรม ไม่มีอะไรที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรอก ทำแบบนี้ทำตรงๆ ชี้แจงให้ชัดเจนเหมือนที่ตนแจงต่อสื่อมวลชน ตนก็ไม่อยากบอกว่าใช้เงินทำงานเท่าไหร่ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องพูด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย ว่าตนไม่ได้มีความกังวลใด ๆ เพราะเชื่อว่าฟ้ามีตาความจริงต้องปรากฏพร้อมชี้แจงได้ทุกประเด็น ขณะเดียวกันก็กล่าวขอบคุณตัวแทนพี่น้องสมาคมชาวปักษ์ใต้ที่เดินทางมาให้กำลังใจ และขอสัญญากับประชาชนว่าจะไม่ทำให้ ศรัทธาของพี่น้องประชาชนสิ้นไป
ดูเพิ่มเติม :
https://www.facebook.com/100067170936914/posts/633644878884538
เพจ Facebook :
Raider Reporter
Facebook : Raider Reporter
https://www.facebook.com/Raiderreporter
LINE Raider Buddy :
https://line.me/R/ti/p/@678ztvpk
Youtube :
https://www.youtube.com/@raiderreporter7236