Raider Reporter

DSI ให้ประกันตัว “เฮียเก้า” จ่อเชิญขรก.ระดับสูงให้ข้อมูล “หมูเถื่อน”

แชร์

“เฮียเก้า” น้องชายนักการเมืองดัง เข้ารายงานตัว DSI ก่อนขอกลับไปรวบรวมเอกสาร เตรียมเปิดปากทุกประเด็นในวันที่ 15 มี.ค. แจงผังสมาชิกสมาคมฯ หลังโผล่ชื่อ “เฉลิมชัย” นั่งนายกกิตติคุณถาวร – แจงกิจกรรมบินข้าม ตปท. ด้วยกันถึง 3 ครั้ง ปลายทางจีน-มาเก๊า ด้าน “เฮียเก้า” ปฏิเสธหนักแน่น ไม่ได้ส่งขายตีนไก่ไปจีน อุบตอบสัมพันธ์ “เฮียเกียรติ” แย้ม “กรินทร์” บุตรชายบุญธรรม พร้อมกลับไทยสู้คดี มั่นใจไม่ได้ทำผิด

จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การกำกับของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีฯ พร้อมด้วย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนและทีมงาน ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนในคดีพิเศษที่ 127/2566 หรือคดีเนื้อสัตว์เถื่อนกว่า 10,000 ตู้ (ชิ้นส่วนหมูแช่แข็ง ชิ้นส่วนวัวแช่แข็ง และตีนไก่สวมสิทธิ์) ซึ่งถูกลักลอบนำเข้าราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด กระทั่งรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 5 ราย ประกอบด้วย นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ (บุตรชายเฮียเก้า) นายสมเกียรติ กอไพศาล (อดีตเลขานุการนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน) นายหยาง ยา ซุง และ น.ส.นวพร เชาว์วัย (สองสามีภรรยา) ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 , พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 , ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน จับกุมแล้ว 4 ราย เหลือเพียงนายกรินทร์ (บุตรชายนายหลี่) ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับที่ต่างประเทศ โดยภายหลังการจับกุม พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำในบางประเด็น เนื่องจากผู้ต้องหาส่วนใหญ่ต้องการส่งหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแทน จึงได้มีการนัดหมายให้ผู้ต้องหาแต่ละรายเข้ารายงานตัว ดังนี้ นายสมเกียรติ กอไพศาล วันที่ 8 ก.พ. (เข้าพบดีเอสไอแล้ว) , นายหยาง ยา ซุง และ น.ส.นวพร เชาว์วัย สองสามีภรรยา (เข้าพบดีเอสไอเเล้วเมื่อวันที่ 8 ก.พ.) , นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า วันที่ 16 ก.พ. ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างแล้วนั้น

Raider-Reporter.com ข่าวไรเดอร์รีพอร์ตเตอร์ เกาะติดข่าวล่าสุด ทุกเหตุการณ์ ข่าวสังคมการเมือง ข่าวอาชญากรรม ข่าวด่วนวันนี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ก.พ. ที่ ห้องพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า พร้อมด้วยทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย ได้เดินทางเข้าพบคณะพนักงานสอบสวน นำโดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เพื่อรายงานตัว พิมพ์ลายนิ้วมือ ภายหลังจากเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้เข้ามอบตัวก่อนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และให้ปากคำในบางประเด็น จากทั้งหมด 30 ประเด็น และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวนด้วยการวางหลักทรัพย์เงินสด 200,000 บาท พนักงานสอบสวนจึงนัดหมายให้เฮียเก้าเข้ารายงานตัวเพื่อยืนยันตัวตนว่าไม่ได้มีการหลบหนี และเตรียมสอบปากคำในประเด็นคงค้างที่เหลือ โดยเฉพาะในรายงานการสืบสวนของดีเอสไอ ปรากฏข้อมูลการเดินทางไปต่างประเทศระหว่างเฮียเก้าและข้าราชการฝ่ายการเมืองระดับสูง โดยประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะฉายให้เห็นถึงความสัมพันธ์สนิทสนมกัน อาทิ กรณีของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พบกิจกรรมเดินทางไปต่างประเทศกับเฮียเก้า จำนวน 3 ครั้ง ล่าสุดคือช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังพบบุคคลอื่น ๆ อีก บางราย จำนวน 4 ครั้ง บางราย 5 ครั้ง บางราย 6 ครั้ง แต่ทั้งหมดล้วนเดินทางกันไปที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และไปเมืองมาเก๊า และกลับมายังประเทศไทยพร้อมกัน ซึ่งในเรื่องนี้ตามรายงานของพนักงานสอบสวนได้ตั้งประเด็นข้อสงสัยว่าอาจมีการนำเงินจำนวนหนึ่งไปฝากพักไว้ที่มาเก๊า ซึ่งการสอบปากคำครั้งที่ 2 ในวันนี้นั้น เฮียเก้าจะต้องชี้แจงในข้อเท็จจริง โดยจะให้ถ้อยคำอย่างไรก็ได้ เเต่ประเด็นคำถามทั้งหมดเกิดจากการที่ดีเอสไอได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขยายผลจนพบข้อมูลทั้งหมด จึงเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะแก้ข้อกล่าวหาของตัวเอง

ต่อมาเวลา 10.00 น. เฮียเก้าเดินออกจากห้องพนักงานสอบสวนภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการรายงานตัว ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามว่า วันนี้มีอะไรอยากจะชี้แจงหรือไม่ ปรากฏว่าเฮียเก้าได้ยกมือไหว้สวัสดีผู้สื่อข่าว พร้อมกับระบุว่า วันนี้พิมพ์ลายนิ้วมือเฉยๆครับ และตนสบายใจขึ้นที่ได้เข้ามาชี้แจง ก่อนยกมือปฏิเสธว่าไม่ได้ประกอบกิจการขายส่งตีนไก่ไปยังประเทศจีน ไม่ได้มีความข้องเกี่ยวเลย ต่อข้อถามว่ารู้จักกันกับนายสมเกียรติ กอไพศาล หรือเฮียเกียรติ หรือไม่ เพราะในครั้งที่แล้วเฮียเกียรติยอมรับว่ารู้จักกับเฮียเก้า แต่ไม่ได้ทำธุรกิจขายส่งตีนไก่ด้วยกันนั้น เฮียเก้าไม่ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ก่อนระบุว่า “ขอแค่นี้พอครับ” จากนั้นเฮียเก้าได้รีบสาวเท้าเพื่อเตรียมเดินทางกลับที่พัก ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามถึงประเด็นของนายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ บุตรชายของเฮียเก้า ซึ่งตกเป็น 1 ใน 5 ผู้ต้องหาเช่นกันว่าได้รับการประสานว่าจะเข้ามามอบตัวหรือไม่ เฮียเก้า ระบุว่า เขาเป็นบุตรบุญธรรมของตน และเขาต้องกลับมาสู้คดีอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้ทำผิด เขาต้องกลับมา แต่ตอนนี้ตนยังติดต่อเขาไม่ได้ว่าจะกลับมาไทยในวันที่เท่าไร

ต่อมาเวลา 10.15 น. พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า วันนี้เฮียเก้าเข้ามารายงานตัวครั้งที่ 1 ภายหลังจากที่ได้รับการประกันตัวชั่วคราวไป และเราได้นัดหมายอีกครั้งในวันที่ 15 มี.ค. อีกทั้งเฮียเก้าได้แจ้งพนักงานสอบสวนว่าจะขอกลับไปรวบรวมข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อมาชี้แจงในวันที่ 15 มี.ค. เพราะวันนี้กระบวนการมีเพียงแค่รายงานตัวและพิมพ์ลายนิ้วมือเท่านั้น ส่วนประเด็นที่เฮียเก้าจะต้องเข้ามาชี้แจงในครั้งถัดไปนั้น จะเป็นประเด็นทั้งหมดที่เราสอบปากคำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผังสมาชิกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย หรือภาพถ่ายต่างๆที่เจ้าตัวถ่ายร่วมกับบุคคลอื่นๆ ซึ่งเฮียเก้ารับปากว่าจะกลับไปรวบรวมเอกสารเพื่อนำมาให้พนักงานสอบสวน

ส่วนกรณีของนายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ หรือนายมิกซ์ บุตรชายของเฮียเก้า ซึ่งตกเป็น 1 ใน 5 ผู้ต้องหาในคดีนั้น พ.ต.ต.ณฐพล ระบุว่า ดีเอสไอยังไม่ได้รับการประสานติดต่อว่าเจ้าตัวจะเข้ามอบตัวในวันใด แต่ทราบว่าอยู่ที่ต่างประเทศ และเฮียเก้ายังไม่ได้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับลูกชายบุญธรรมกับดีเอสไอแต่อย่างใด ส่วนการติดตามตัวกรณีที่เขาอยู่ต่างประเทศ เราก็ได้ประสานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอยู่ว่าปัจจุบันผู้ต้องหาอยู่ที่ประเทศใด เพื่อติดตามตัวกลับมาดำเนินคดี

พ.ต.ต.ณฐพล ระบุอีกว่า สำหรับรายงานการสืบสวนของดีเอสไอยังพบว่าเฮียเก้าเคยมีภาพถ่ายซึ่งบ่งบอกถึงการมีกิจกรรมเดินทางไปต่างประเทศร่วมกับข้าราชการฝ่ายการเมืองระดับสูงจริง ซึ่งในเรื่องนี้เราก็จะใช้สอบถามในวันที่ 15 มี.ค.เช่นกัน จึงอยู่ที่เฮียเก้าว่าจะชี้แจงอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ บุคคลที่เป็นข้าราชการฝ่ายการเมืองระดับสูงที่ไปต่างประเทศกับเฮียเก้าจะเป็นใคร ขอให้ดูได้จากภาพข่าวที่ปรากฏตามการรายงานข่าวของสื่อมวลชน อย่างไรก็ตาม เราจะมีการเรียกบุคคลที่ปรากฏในภาพถ่ายร่วมกับเฮียเก้ามาสอบถามถึงสาเหตุที่เข้าไปอยู่ในภาพเฟรมเดียวกัน รวมทั้งประเด็นการสืบสวนทั้งหมดของดีเอสไอ ก็จะต้องใช้สอบถามด้วยว่าทำไมจึงมีการติดต่อระหว่างกัน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

Raider-Reporter.com ข่าวไรเดอร์รีพอร์ตเตอร์ เกาะติดข่าวล่าสุด ทุกเหตุการณ์ ข่าวสังคมการเมือง ข่าวอาชญากรรม ข่าวด่วนวันนี้

“สำหรับกรณีของเฮียเก้า เรารวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานมานานจนสามารถขอศาลออกหมายจับได้ หลังจากนี้ดีเอสไอจึงอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินและการทำธุรกรรมทางการเงินของเขาว่าจะไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับใครบ้าง เพื่อให้เราขยายผลดำเนินการทางคดีเพิ่มเติม” หัวหน้าพนักงานสอบสวนระบุ.

ทั้งนี้ พ.ต.ต.ณฐพล ระบุปิดท้ายว่า ในการดำเนินคดีกับเฮียเก้าและพวก รวม 5 รายในเลขคดีที่ 127/2566 คณะพนักงานสอบสวนคาดว่าจะดำเนินการสรุปสำนวนแล้วเสร็จส่งพนักงานอัยการในช่วงเดือน เม.ย. แต่ระหว่างนี้หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติม เราก็จะดำเนินการนำเข้าสำนวนคดีเพื่อการสอบสวนต่อไป และอาจจะมีจำนวนผู้ต้องหาเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากเลขคดีนี้เราทำในรูปแบบองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าเนื้อสัตว์เถื่อนนานาชนิดกว่า 10,000 ตู้ จึงไม่แปลกที่จะมีผู้เข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก และถ้าพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใคร เราก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Raider Reporter

เกาะติดข่าวล่าสุด ทุกเหตุการณ์ ข่าวสังคมการเมือง ข่าวอาชญากรรม ข่าวด่วนวันนี้

Related Posts

CHANGE LANGUAGE
Powered by
Raider Reporter
เกาะติดข่าวล่าสุด ทุกเหตุการณ์ ข่าวสังคมการเมือง ข่าวอาชญากรรม ข่าวด่วนวันนี้
Raider Reporter Channel
raider-reporter.com ข่าวไรเดอร์รีพอร์ทเตอร์ เกาะติดข่าวล่าสุด ทุกเหตุการณ์ ข่าวสังคมการเมือง ข่าวอาชญากรรม ข่าวด่วนวันนี้ ข่าวตํารวจ ข่าวด่วน ข่าวนครปฐม

RAIDER REPORTER