วันที่ 2 พ.ย.66 ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้นำตัว เด็กชายบอย (นามสมมุติ) หลังจากพบมีอาการผิดปกติเหม่อลอยเป็นบางครั้ง คลั่งตะโกนออกมา ทำให้เพื่อนนักเรียน ม.1 ร่วมห้องด้วยกันตื่นตระหนกรีบแจ้งครูในชั้นเรียนให้ทราบ
จากข้อมูลแหล่งข่าวได้มีการ ระบุว่า จากการตรวจปัสสาวะของเด็กชายบอย เบื้องต้นพบฉี่เป็นสีม่วง เมื่อมีการซักประวัติ เด็กชายบอย ยอมรับว่าเสพยามาตั้งแต่อยู่ชั้น ม.5 ตอนนั้นอายุเพียง 11 ปี โดยมีเพื่อนรุ่นพี่ชักชวนไปมั่วสุมตามป่าอ้อยในหมู่บ้าน
ด้านนางถนอม (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี เป็นยายของเด็กชายบอย เล่าว่าแม่เด็กมีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวไม่มีเวลาดูแล จึงให้ตนมาเลี้ยง ปกติไม่เคยรู้ว่า หลานไปไหน หรือเสพยาอะไรหรือไม่? จนกระทั่งครูมาแจ้งว่าหลานหลอนยา รู้สึกตกใจมาก โดยเฉพาะเมื่อทราบว่า หลานเสพยามาตั้งแต่อยู่ชั้น ม.5
ด้านนางสวิชตา (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้าน กล่าวว่า ยาเสพติดตอนนี้มีทุกแห่ง ทุกหมู่บ้าน จำนวนวัยรุ่นที่เสพน่าจะมีมากกว่าวัยรุ่นที่ไม่เสพ จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว โดยเฉพาะยาเสพติดราคาถูกเพียงเม็ดละ 15 บาทเท่านั้น ถูกกว่าผงชูรสกับน้ำตาลทรายอีก
ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลมีการปราบปรามยาเสพติดให้ห่างจากสังคมโดยเร็วตามที่รัฐบาลกำหนดนโยบายออกมา เนื่องจากตอนนี้คนเสพยาเสพติดหลอนจนเสียสติก็มีเยอะ แต่ไม่มีใครแก้ไขปัญหาได้ ปล่อยให้มาสร้างปัญหาให้กับชุมชน โดยอ้างว่า คนบ้า รวมถึงจำนวนยาเสพติดในการครอบครองว่า ควรจะมีกี่เม็ด ส่วนตัวคิดว่า ตั้งแต่ 1 เม็ดเป็นต้นไป จึงจะต้องเร็งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ก่อนที่เยาวชนจะเป็นทาสยาเสพติดกันถ้วนหน้า