อดีตพันเอก ผวา! ถูกพ่อนิติฯคอนโดกร่าง โวยลั่นขู่เอาชีวิต เดินทางร้อง เสี่ยเป้ บางกรวย ช่วยหาทางออก พ้อ อาจย้ายคอนโดหนี แม้อยู่มานาน 15 ปี
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 67 นายโชติอนันต์ เลิศฤทธิ์ภูวดล หรือ เสี่ยเป้ บางกรวย คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) สภ.บางกรวย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพันเอกสมชาย บุญปราศภัย อายุ 68 ปี อดีตข้าราชการทหารบก และน.ส.อริสรา ไผทวิภาดา อายุ 45 ปี สองสามีภรรยา หลังถูกพ่อบุญธรรมของนิติบุคคลคอนโดแห่งหนึ่ง ย่านบางศรีเมือง มีพฤติกรรมกร่าง พยายามจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย หลังจากมีปากเสียงกันเรื่องจอดรถและล้างรถ จึงเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากห่วงความไม่ปลอดภัยของชีวิตตนเอง และครอบครัว เหตุเกิดวันที่ 9 พ.ค. 67 แจ้งความไว้ที่สภ.บางศรีเมือง
พันเอกสมชาย ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ค. เวลาประมาณ 17.30 น. ตนเดินลงมาจากคอนโดและเจอคู่กรณีซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของ 1 ในนิติบุคคลคอนโด เขาไม่พอใจที่ตนไปถามเรื่องล้างรถที่คอนโด ซึ่งลูกบ้านคนอื่นไม่สามารถล้างได้ คู่กรณีอ้างว่าใช้น้ำส่วนตัว ตนจึงสอบถามต่อว่าแล้วตอนที่ภรรยาตนเคยใช้น้ำส่วนตัวมาล้างรถบ้างทำไมถึงมีปัญหา คู่กรณีไม่พอใจจึงด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย และเดินหนีไป พอคู่กรณีเจอภรรยากับลูกเลยย้อนกลับมาชกต่อยตน ตนจึงป้องกันตัว ก่อนที่ภรรยากับลูกของคู่กรณีเข้ามาห้าม ซึ่งก่อนแยกย้ายกันทางคู่กรณีได้พูดกับตนว่า “มึงอยู่ตรงนี้อย่าไปไหน เดี๋ยวกูจะเอาปืนลงมายิงมึงตายแน่นอน“ มีการข่มขู่ ตนจึงโทรแจ้งตำรวจ ก่อนหน้านี้เคยมีปัญหากันเรื่องการบริหารของนิติบุคคลคอนโด คู่กรณีอ้างว่าการเป็นนิติบุคคลสามารถควบคุมได้ทุกอย่างในคอนโดนี้ ลูกบ้านทุกคนต้องอยู่ในสายตาเขา ตนรู้สึกว่าแบบนี้มันไม่ใช่ คู่กรณีรู้ว่าตนเป็นรับราชการยศสูง ซึ่งคู่กรณีก็มีตำแหน่งยศสูงเช่นกัน แต่เขาพยายามจะทำให้ลูกบ้านทุกคนอยู่ภายใต้ความควบคุม กฎระเบียบในคอนโดมีการเปลี่ยนไปมาแล้วแต่ความพึงพอใจของนิติบุคคล อะไรที่ขวางหูขวางตาก็จะเปลี่ยนแปลงกฎไปเรื่อยๆ เช่น เมื่อก่อนไม่เคยมีปัญหาเรื่องจอดรถ พอตอนออกรถใหม่อีกคัน ก็นำป้ายมาติดว่าห้ามจอดจะมีโทษปรับ 1,000 บาท ตนอยู่ที่นี่มา 10-15 ปีแล้ว มีเรื่องระหองระแหงตลอด สำนักงานนิติบุคคลก็ห้ามไม่ให้ลูกบ้านเข้า แต่คนในครอบครัวของนิติบุคคล สามารถเข้าไปใช้งานได้ ทำเหมือนอยู่บ้านตัวเองโดยไม่ต้องจ่ายค่าไฟ นอกจากนี้ยังมีการดัดแปลงอาคารชุด 4 ห้องติดกัน ซึ่งตามหลักแล้วอาจจะไม่สามารถทำได้ เรื่องที่สำคัญที่สุดคืองบการเงินของนิติบุคคลในแต่ละปี ลูกบ้านไม่เคยเห็นการใช้จ่ายต่างๆ วันที่มีปากเสียงกันและคู่กรณีเข้ามาทำร้ายร่างกาย หลังจากที่ตนโทรแจ้งตำรวจได้มีสายตรวจเข้ามาตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกทั้งสองฝ่ายเข้ามาพูดคุยโดยคู่กรณียังตะโกนด่าและมีท่าทีที่จะเข้ามาทำร้ายตนกับภรรยา วันนี้ที่ตนมาร้องเรียนกับเสี่ยเป้ บางกรวย เพราะอยากให้ช่วยเหลือห่วงเรื่องความไม่ปลอดภัยของตนเองและภรรยา เพราะเราต้องเดินเข้า-ออก และอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้ ซึ่งต้องเจอคู่กรณีเกือบทุกวัน วันใดวันหนึ่งจะเข้ามาทำร้ายตนอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนซื้อคอนโดมาก็อยากอยู่แบบสบาย มีแต่ความสนุก ต่างคนต่างอยู่ไป แต่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อยู่กับคนแบบนี้จนต้องยอมขายคอนโด ย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นกลายเป็นว่าเราต้องหนีคนที่ทำผิด
พันเอกสมชาย ผู้เสียหาย กล่าวต่ออีกว่า การเป็นนิติบุคคลคอนโดต้องอยู่ในความถูกต้องและถูกกฎหมาย จะมาทำตัวเป็นศาลเตี้ยไม่ได้ ต้องให้บริการกับลูกบ้าน วันนี้ตนกับภรรยา จึงมาร้องขอความเป็นธรรมกับเสี่ยเป้ บางกรวย ให้ช่วยตรวจสอบเรื่องราวต่างๆ และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่นิติบุคคลคู่กรณีทำไว้มันถูกต้องหรือไม่ อย่างไร
น.ส.อริสรา ภรรยาผู้เสียหาย กล่าวว่า การบริหารจัดการของนิติคอนโดที่นี่มันมีอะไรที่ไม่โปร่งใส เช่น การตั้งป้อมรปภ.ทั้งที่ไม่จำเป็น สร้างขึ้นโดยไม่รู้ว่าใช้งบส่วนไหนมาทำ ซึ่งไม่เคยแจกแจงงบประมาณรายปีทั้งที่ตนต้องเสียค่าส่วนกลางตลอด ในสำนักงานนิติบุคคลก็ห้ามไม่ให้ลูกบ้านเข้า จะเข้าก็ต่อเมื่อถูกเรียกให้เข้าไปทั้งที่เป็นที่ส่วนกลาง ตอนนี้ตนอยู่แบบหวาดระแวงเหมือนต้องอยู่กับผู้มีอิทธิพลมืด ทุกครั้งที่มีปัญหาต้องคอยหลีกเลี่ยง แต่เหมือนโดนหาเรื่องตลอด เวลามีเรื่องราวก็จะข่มขู่ทำร้ายร่างกาย ขู่จะเอาปืนมายิงบ้าง ต้องอยู่แบบหวาดระแวงว่าจะโดนยิงหรือทำร้ายร่างกายเมื่อไหร่ มันไม่มีความสุข ตนคิดว่าจะขายคอนโดที่นี่และไปซื้อที่อื่นอยู่ใหม่ ย้ายหนีดีกว่า สู้ไม่ไหว
นายโชติอนันต์ หรือ เสี่ยเป้ บางกรวย กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย 2 คน ว่าถูกครอบครัวของนิติบุคคลคอนโดทำร้ายร่างกาย ซึ่งผู้เสียหายมีความหวาดกลัวกับการที่จะต้องอาศัยอยู่ที่นี่ จนต้องประกาศขายคอนโดเพื่อย้ายที่อยู่ใหม่ รวมถึงพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใสในการบริหารงานของนิติบุคคลคอนโดนี้ เช่น เรื่องการจัดตั้งนิติบุคคลที่ไม่โปร่งใส ไม่รู้ว่าจัดตั้งกันเองหรือไม่ โครงสร้างอาคารที่ทางครอบครัวนิติบุคคลมีคอนโดอยู่ 4 ห้อง ทำการดัดแปลงและทุบติดกัน ตนจะทำเรื่องตรวจสอบที่กรมที่ดิน และได้ปรึกษากับทางเทศบาล จะมีการทำหนังสือเพื่อให้ตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนเรื่องคดีทำร้ายร่างกาย ตนจะติดตามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เรียกทั้ง 2 ฝ่าย มาพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน
