ตุ๋นซื้อเพชร หลอกร้านพัสดุ ใช้ไรเดอร์สวมรอยยกเลิก เสียหายกว่า 2 ล้านบาทหลังผู้ต้องหาทำทีติดต่อขอซื้อสินค้า เช่น นาฬิกาหรู และเครื่องเพชร จากผู้เสียหายที่โพสต์ขายผ่านโซเชียล
ตำรวจ บก.น.9 แถลงจับคนร้ายหลอกซื้อนาฬิกาหรู ก่อนใช้ไรเดอร์สวมรอยยกเลิกส่งพัสดุ แล้วนำสินค้าไปขายต่อ สร้างความเสียหายมากกว่า 2 ล้านบาท
พลตำรวจตรี ประสงค์ อานมณี ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 แถลงผลการจับกุม นายนพรัฐ ศิริอัง อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี 3 หมาย ที่ก่อเหตุในพื้นที่ สน.บางขุนเทียน, สน.ท่าข้าม และ สน.หลักสอง ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวก แก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือรับของโจร จับกุมได้ภายในบ้านพักแห่งหนึ่งย่านบางขุนเทียน
โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหา จะทำทีติดต่อขอซื้อสินค้า เช่น นาฬิกาหรู และเครื่องเพชร จากผู้เสียหายที่โพสต์ขายผ่านโซเชียล ซึ่งคนร้ายจะให้ราคาสูงกว่าท้องตลาด เพื่อแสดงความเจตจำนงว่าอยากจะได้สินค้าโดยเร็ว
เมื่อตกลงซื้อขายกันแล้ว ก็จะวิดีโอคอลให้ผู้เสียหายได้เห็นขั้นตอนการนำสินค้าไปส่งที่บริษัทขนส่ง จนถึงการแพ็คสินค้าที่จุดรับฝากพัสดุ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่ามีการส่งสินค้าจริง โดยผู้ต้องหาจะเป็นคนเลือกให้ผู้เสียหายไปส่งที่บริษัทขนส่งในพื้นที่ของผู้เสียหาย ซึ่งผู้ต้องหาได้สำรวจแล้ว
หลังจากผู้เสียหายส่งพัสดุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ต้องหาจะให้ผู้เสียหายส่งรหัสพัสดุให้ผู้ต้องหา เพื่อยืนยันว่าส่งของแล้ว โดยออกอุบายว่าจะโอนเงินให้เมื่อส่งเลขรหัสพัสดุมาให้แล้ว เมื่อคนร้ายได้รหัสพัสดุก็จะว่าจ้างให้ไรเดอร์ มารับพัสดุ โดยส่งมอบเลขรหัสพัสดุให้แก่ไรเดอร์เป็นหลักฐานในการยกเลิกการส่งพัสดุดังกล่าว เพื่อให้ไรเดิร์นำพัสดุไปส่งเอง จากนั้นอะไรเดอค์ก็จะนำพัสดุไปส่งให้กับผู้ต้องหา แล้วนำไปขายต่อตามร้านรับซื้อของเก่า ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านปทุมวัน
ส่วนผู้เสียหาย มารู้ตัวว่าถูกหลอกก็ตอนที่ผู้ต้องหายังไม่โอนเงินให้เสียที เมื่อไปติดตามพัสดุที่บริษัทส่งพัสดุ ก็พบว่ามีคนสวมรอยนำพัสดุของตนเองไปแล้ว
ตำรวจระบุว่า ในรอบปึที่ผ่านมา คนร้ายก่อเหตุมาแล้ว 5 ครั้ง แต่พบการกระทำความผิดในพื้นที่ บก.น. 9 จำนวน 3 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท ได้แก่ เครื่องเพชรมูลค่า 1,400,000 บาท นาฬิกาโรเล็กซ์ 2 เรือน มูลค่ากว่า 800,000 บาท ส่วนอีก 2 คดี อยู่ระหว่างตรวจสอบ
ตำรวจยังเชื่อว่าคดีนี้มีคนบงการที่อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิด มีการวางแผนอย่างดี เพราะมีการใช้บัญชีม้าด้วย โดยผู้ต้องหาจะได้รับเงินเป็นค่าจ้าง ครั้งละ 5,000 – 10,000 บาท ซึ่งตำรวจจะขยายผลเพื่อจับกุมตัวการใหญ่และบัญชีม้ามาดำเนินคดีต่อไป
สำหรับการสอบปากคำ ผม้ต้องหาอ้างว่า ตนเองไม่ได้กระทำความผิด เพราะเป็นอาชีพซื้อขายของเก่า เป็นเพียงแค่ผู้ทำหน้าที่ตัวกลาง แต่ทางตำรวจยังไม่เชื่อ
ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยว่า ทำไมถึงไม่มีการดำเนินคดีการรับของโจรกับ ร้านที่รับซื้อของเก่า ตำรวจอธิบายว่าเนื่องจากมี พ.ร.บ.ควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พ.ศ 2474 ที่ระบุว่า หากร้านรับซื้อของเก่ามีใบอนุญาตเปิดกิจการถูกต้อง และมีการจดบันทึกข้อมูลรายละเอียดจากผู้ขาย และการซื้อขายสินค้าเป็นราคาเดียวกับท้องตลาด ถือว่าทางร้านมีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่เข้าข่ายความผิดรับซื้อของโจร
ตำรวจยังฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการซื้อขายของมีค่าในรูปแบบนี้ ผู้ขายควรไปส่งมอบสินค้าด้วยตัวเอง ส่วนบริษัทขนส่งควรตรวจสอบการยกเลิกพัสดุขิงลูกค้าว่าเป็นเจ้าของพัสดุจริงหรือไม่ หากไม่ใช่บุคคลคนเดียวกัน ก็ไม่ควรคืนพัสดุให้ เพราะอาจถูกเจ้าของพัสดุฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งได้