“ทนายตั้ม” ลุยไม่พัก ไป สน.เตาปูน แจ้งความ “บิ๊กต่อ-ภรรยา” ข้อหาฟอกเงิน
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน กล่าวว่า ตัวเองเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดี พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ภรรยา และบัญชีม้า 2 บัญชี ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน โดยมีการนำหลักฐานเส้นทางการเงิน ชุดเดียวกับที่มอบให้ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) จำนวน 157 แผ่น มามอบให้กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ซึ่งหลังจากเข้าแจ้งความแล้วจะเดินทางไปศาล เพื่อขอคัดคำฟ้องที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นฟ้องและถอนฟ้องไปก่อนหน้านี้ ว่ามีข้อมูลใดที่เป็นเท็จหรือไม่ ยืนยันการเดินทางมาแจ้งความในวันเดียวกันกับที่ทนายความของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ พักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม กรณีชุดพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน เกี่ยวกับการออกหมายเรียก เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน โดยหลังจากที่เมื่อวานนี้ตัวเองได้เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนบก.ปปป. มีความคืบหน้าว่า ในวันพุธ หรือ พฤหัสบดีนี้จะมีการนัดพยาน เข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประสานนางสาวพิมพ์วิไล เครือข่ายเว็บการพนันออนไลน์ และสายลับ
นายษิทรา กล่าวย้ำว่าตัวเองมั่นใจในพยานหลักฐาน เช่นการโพสต์จากวัด ซึ่งจะสามารถยืนยันได้ว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจในการควบคุมและสั่งการบัญชีม้าซึ่งรับส่วยมา เพราะหากไม่มั่นใจคงไม่กล้ามาแจ้งความเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดีกลับสูง ล่าสุดมีคนแจ้งมาว่าพบวัด 2 แห่ง ที่มีลักษณะการดำเนินการคล้ายกับวัดที่จังหวัดนนทบุรี นอกจากนี้ยังมีเส้นเงินที่พบว่าถูกโอนให้บุคคลในครอบครัว ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอีกด้วย โดยวันนี้ตัวเองมายื่นเรื่องไว้ก่อนและจะทำคำให้การเพื่อให้พนักงานสอบสวนใช้เป็นแนวทางการสืบสวนในภายหลัง
สำหรับการเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน เนื่องจากเห็นว่ามีข้อมูล เกี่ยวกับการดำเนินคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master ไปก่อนหน้านี้แล้ว พนักงานสอบสวนจึงน่าจะมีพยานหลักฐานเบื้องต้นแล้วว่า พิมพ์วิไล โอนเงินไปให้ใครบ้าง
เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน กล่าวต่อว่า ส่วนตัวไม่มั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่หากคดีถูกส่งไปถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็อาจกังวลเรื่องความล่าช้า ที่ผ่านมา ระหว่างที่มีการออกมาเปิดโปงประเด็นการทุจริตของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตัวเองค่อนข้างกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะไม่มีใครมาดูแล มีเพียงผู้นำฝ่ายค้านทักถามมา แต่ไม่มีอำนาจในการส่งคนมาดูแล ซึ่งในวันพุธนี้ ( 3 มี.ค.67) ตัวเองจะนำพยานหลักฐานไปมอบให้ผู้นำฝ่ายค้านด้วย
นอกจากนี้ นายษิทรา ยังมองว่า หาก เป็นในประเทศอื่นที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงปรากฏข่าวการทุจริต ฝ่ายรัฐบาล หรือ นายกรัฐมนตรี จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการมาสอบข้อเท็จจริงแต่ขณะนี้ยังคงนิ่งเฉย โดยหลังจากที่ตัวเองได้โพสต์คลิปเสียงและข้อมูลเกี่ยวกับการเก็บส่วย ก็พบว่ามีบางหน่วยงานที่เริ่มตื่นตัวบ้างแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจังหรือไม่