จับเครือข่ายขนยาบ้า 10 ล้านเม็ด ซุกซ่อนในรถปูน
พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจโทอัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจโทนิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจโทจิระสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากจังหวัดพะเยา โดยสามารถตรวจยึดยาบ้าได้กว่า 10,000,000 เม็ด มูลค่ากว่า 300 ล้านบาทโดยกล่าวว่า ชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาคหนึ่งชุดที่ 2 และเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทหาร ศูนย์ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ได้ขยายผล ข้อมูลการติดต่อทางโทรศัพท์และเส้นทางการเงินจากคดียาเสพติดสำคัญในพื้นที่อำเภอ บางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดยมีความเชื่อมโยงกันและ สืบทราบว่ามีทีมลำเลียงยาเสพติดกำลังลำเลียงยาจากพื้นที่ภาคเหนือมาส่งมอบให้กับผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ตอนในของประเทศไทย จึงได้วางกำลังติดตามความเคลื่อนไหวจน เมื่อวันที่ 16 มีนาคม จนสามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายวสันต์อายุ 33 ปี และนายยศพลอายุ 30 ปี ผู้ต้องหาที่กำลังลำเลียงยาเสพติด ผ่านพื้นที่ถนนเลี่ยงเมืองลพบุรีขาเข้า ตำบลป่าตาลอำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี โดยได้ซุกซ่อนยาบ้าจำนวน 50 กระสอบจำนวน 5,000 มัด หรือประมาณ 10,000,000 เมตรไว้ในรถขนปูน เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และมีรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ ใช้สำรวจเส้นทางล่วงหน้าหนึ่งคัน จึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นรถ 2 คัน ที่ใช้ลำเลียงยาเสพติดและอาวุธปืนซิกซาวเออร์ขนาด 9 มม.บรรจุกระสุน 14 นัด
เบื้องต้น นายวสันต์สารภาพว่า ขับรถบรรทุกยาเสพติดจากจังหวัดพะเยามาส่งมอบให้กับผู้รับในพื้นที่จังหวัดสระบุรี โดยใช้รถขนปูนส่วนตัวลำเลียงยาเสพติด ได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 300,000 บาท ส่วนนายยศพล ผู้ขับรถนำทางจะได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสองรายในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่งโดยเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่แพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, และแจ้งข้อกล่าวหากับนายวสันต์ ในความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเพิ่มเติม พร้อมเตรียมขยายผลไปยังกลุ่มลูกค้าผู้สั่งการและเครือข่ายที่เหลือรวมถึงตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อดำเนินมาตรการตามกฎหมายฟอกเงิน เพื่อตรวจสอบยึดทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดต่อไป โดยสำหรับยาเสพติดที่จับกุมได้ครั้งนี้ หากถูกนำจำหน่ายในท้องตลาดจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 300 ล้านบาท
