รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หลอกผู้เสียหายหลายราย มูลค่าความเสียหายรวม 10 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย
รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี, พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา และ พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ รอง ผกก.1 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.อนวัช ตันตินันทกุล สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.ธีรเดช อรุณนพรัตน์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นายเสงี่ยมฯ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1363/2561
ลงวันที่ 21 มิ.ย.61 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นให้ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วย
เงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด โดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน,
เป็นผู้สนับสนุนความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านพักในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลน้ำตาล อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2560 กลุ่มผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซีย ได้สุ่มโทรศัพท์หลอกลวงประชาชน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยหลอกลวงว่า เงินในบัญชีธนาคารของผู้เสียหายมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและการฟอกเงินและให้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจด้วยการโอนเงินให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบและจะช่วยเหลือไม่ให้ถูกดำเนินคดี จนผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินไปจำนวน 20 ครั้ง รวมเป็นเงินมากกว่า 3 ล้านบาท หลังจากได้รับเงินไป
กลุ่มผู้ต้องหาชาวมาเลเซียได้ใช้บัตรเอทีเอ็มของนายเสงี่ยมฯ ในการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม แล้วโอนต่อไป
ให้กับสมาชิกคนอื่น ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระยอง จากการสืบสวนขยายผล พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาหลอกหลวงผู้เสียหายสำเร็จมาแล้วหลายราย มูลค่าความเสียหายรวม 10,120,618 บาท ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหารายดังกล่าวไว้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าหลังเกิดเหตุ นายเสงี่ยมฯ ได้หลบหนีมาทำงานและพักอาศัยอยู่ที่จังหวัดสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงลงพื้นที่ตรวจสอบและวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวได้ จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อดำเนินคดี
ตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา