พลตำรวจตรีกัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เดินทางมารับทราบข้อหาในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ ที่กองบังคับการกฎหมายเเละคดีตำรวจภูธรภาค 1 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 หลังจากได้ขอเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหามาแล้วจากเมื่อวันที่ 12 – 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ
โดยพลตำรวจโทอัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดีนี้เปิดเผยว่า วันนี้มีผู้ต้องหาที่มีกำหนดเข้ารับทราบข้อหากล่าวหาทั้งหมด 4 คน คือพลตำรวจตรีกัมพล กับนาย “บอย พัทยา” และลูกน้องของนายบอยอีก 1 คน ซึ่งได้นัดหมายไว้เวลาประมาณ 14.00 น. และมีกำหนดให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาภายใน 16.00 น.ของวันนี้ หากไม่เดินทางมาตามกำหนดก็จะออกหมายจับต่อไป ส่วนนายต้น ผู้ต้องหาอีกรายหนึ่งมีรายงานว่าอยู่ระหว่างการหลบหนี
ด้านนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน เปิดเผยว่า ในวันนี้คณะทำงานทั้งฝ่ายตำรวจและอัยการได้ประชุมใหญ่เพื่อสรุปการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทุกคน รวมถึงประชุมแนวทางการสรุปสำนวนว่าจะมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ใดบ้าง คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนได้เร็ว 60 วันตามกำหนดการเดิม
ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาบางส่วนยื่นร้องขอความเป็นธรรมนั้น คณะทำงานก็จะให้ความเป็นธรรมเต็มที่กับทั้งผู้ต้องหาและผู้เสียหาย ซึ่งหากเป็นพยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อคดี ผู้ต้องหาก็สามารถยื่นพยานหลักฐานเข้ามาได้ทั้งหมด เช่น กรณีของตำรวจไซเบอร์ 2 นายที่เป็นผู้ต้องหาในความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบในคดีนี้ แต่ไม่ได้ถูกแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เนื่องจากทั้ง 2 นายไม่ได้เดินทางไปที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งคณะทำงานก็ได้ออกหมายเรียกเพราะมีความจำเป็นต้องแจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในบางประเด็นให้ครบถ้วน และตำรวจไซเบอร์ทั้ง 2 นายก็มาให้การและชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมตามนัดหมาย รวมถึงยื่นพยานเอกสารเพิ่มเติมให้คณะทำงานได้รับไว้พิจารณาแล้ว
ส่วนกรณีที่อ้างว่าคณะทำงานชุดนี้ไม่มีอำนาจการสอบสวน เพราะผู้ต้องหาเป็นข้าราชการ ต้องเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.นั้น ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนก็สามารถดำเนินการได้ เพราะเป็นมีความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เพียงแต่ต้องแจ้งให้ ป.ป.ช. ทราบ