ชาวบ้านสุดทน! ถูกปิดทางเข้า-ออก มานานกว่า 2 ปี รวมตัวร้อง’ทนายโป้ง’ ลงพื้นที่ตรวจสอบหวั่น ซ้ำรอยรถพยาบาลเข้าไม่ได้ทำผู้ป่วยเสียชีวิต
วันที่ 20 พ.ค. 67 นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง สส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จ.นนทบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณถนนเลียบคลองฝรั่ง หมู่ 6 ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากนางปราณี วัฒกาพัฒน์ อายุ 51 ปี เจ้าของบ้านสวนกตัญญุตา โฮมแคร์ ที่ได้รับความเดือดร้อนมานานกว่า 2 ปี หลังเพื่อนบ้านข้างเคียงอ้างสิทธิถนนเลียบคลองเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลและทำเสากั้นจำกัดความสูง 2.5 เมตร รวมถึงปิดทางเข้า-ออก ตั้งแต่ปี 65 ทำให้ชาวบ้านใกล้เคียงรวมถึงบ้านสวนกตัญญุตา โฮมแคร์ ได้รับความเดือดร้อน จึงได้มาร้องขอความช่วยเหลือจากสส.โป้ง ให้ช่วยร่วมเจรจา และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาตรวจสอบว่าเป็นถนนเส้นดังกล่าวเป็นทางสาธารณะหรือไม่
นางปราณี เจ้าของบ้านสวนกตัญญุตา โฮมแคร์ กล่าวว่า ตนทำธุรกิจบ้านพักคนชรา ดูแลผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง เดิมตัวเองเป็นพยาบาลวิชาชีพ เปิดธุรกิจนี้ในปี 63 ขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมายโดยมีกระทรวงสาธารณสุขมาตรวจสอบเรียบร้อย สถานที่นี้มีทางเข้า-ออก 2 ทาง มีทางหนึ่งที่เข้า-ออกลำบาก ถนนเล็ก และเดินทางไม่สะดวก ซึ่งอีกเส้นทางเป็นทางลัด ระยะทางประมาณ 250 เมตร ออกไปซอยกศน. ข้าง Big C ไทรน้อย ตนและชาวบ้านจึงใช้เส้นทางนี้เข้า-ออกเป็นหลัก วันหนึ่งตนอยากให้มีหน่วยงานเข้ามาดูแลและพัฒนาปรับปรุงให้มันดีขึ้น ตนเข้าใจว่าที่ตรงนี้เป็นทางสาธารณะเพราะตลอดแนวเป็นคลองสาธารณะ แต่คู่กรณีบอกว่าตรงหน้าบ้านเขาเป็นที่ส่วนบุคคล ตนจึงติดต่อไปทั้งอบต.ไทรน้อย และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอไทรน้อย มีการแจ้งว่าที่ตรงนี้เป็นที่ส่วนบุคคลยังไม่ยกเป็นสาธารณะ แต่ก็ไม่เคยมีการสำรวจเส้นทางหรือรังวัดที่ชัดเจน และบอกให้ตนต้องจ่ายเงินซื้อทางจากคู่กรณี 400,000 บาท ในครั้งแรก เพื่อเปิดทาง ซึ่งได้มีการเจรจาตกลงร่วมกัน โดยมีการทำหนังสือบันทึกข้อตกลงไว้แล้ว ตนยินดีจ่ายเงินให้คู่กรณีแต่ต้องการทำรังวัดให้ชัดเจนและยกที่ให้เป็นทางสาธารณะเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาพัฒนา คาดว่าเพราะสาเหตุนี้ทำให้คู่กรณีไม่พอใจ จึงตั้งเสาจำกัดความสูง และกั้นปิดทาง ติดป้ายเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ห้ามเข้า-ออก ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ทำให้เมื่อปีที่แล้วมีผู้ป่วยต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ตนโทรแจ้ง 1669 ให้มารับตัว แต่รถพยาบาลเข้าเส้นทางลัดไม่ได้ ต้องไปอ้อมอีกเส้นทางหนึ่ง ทำให้มารับผู้ป่วยไม่ทันและเสียชีวิต ตนเสียใจและรู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงออกมาเรียกร้องและขอความเห็นใจในวันนี้
นางปราณี เจ้าของบ้านสวนกตัญญุตา โฮมแคร์ กล่าวต่ออีกว่า การเรียกร้องครั้งนี้ไม่ใช่เพราะธุรกิจของตัวเอง แต่บริเวณนี้มีชาวบ้านอาศัยอยู่หลายครอบครัว เด็กๆต้องใช้เส้นทางนี้ขี่รถจยย.ไปโรงเรียน ชาวบ้านต้องใช้ไปโรงพยาบาล ไปสถานีตำรวจ แต่มาถูกคู่กรณีปิดทางเข้า-ออก ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ตนติดต่อหน่วยงานไปหลายที่ว่าคู่กรณีไม่ทำตามข้อตกลงก็ไม่ได้ความคืบหน้า ตนจึงอยากให้สส.โป้ง เข้ามาช่วยเหลือและเจรจาให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เข้ามาสำรวจเส้นทาง ว่าเส้นทางนี้เป็นทางสาธารณะหรือไม่ ถ้าเป็นทางสาธารณะก็ขอให้ช่วยพัฒนาเพื่อให้สัญจรเข้า-ออกได้สะดวก และปลอดภัยกับทุกๆคน หากเป็นทางส่วนบุคคลตนก็ยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อทางเข้า-ออก ตามที่ได้ทำบันทึกข้อตกลงกันไว้ รวมถึงยกให้เป็นทางสาธารณะ โดยต้องสำรวจพื้นที่และรังวัดให้ชัดเจน
สส.ทนายโป้ง กล่าวว่า วันนี้ได้รับการร้องเรียนจากคุณปราณี เนื่องจากเมื่อก่อนเคยใช้ถนนร่วมกันกับชาวบ้านใกล้เคียงเป็นทางเข้า-ออกที่สะดวก วันดีคืนดีมีการเจรจาระหว่างคุณปราณีกับคุณป้าที่เป็นเพื่อนบ้านกัน เพื่อจะเปิดทางให้เป็นทางสาธารณะ เพราะหน้าบ้านของทุกหลังเป็นทางสาธารณะ แต่ติดตรงบ้านคุณป้าคนเดียว ที่อ้างสิทธิว่าที่ตรงนี้เป็นที่ส่วนบุคคล จึงไปยื่นร้องเรียนที่สูงดำรงธรรมอำเภอไทรน้อย ทางนายอำเภอและปลัดอำเภอในช่วงนั้นเมื่อปี 65 ได้เรียกคุณป้าคู่กรณีเข้ามาเจรจาและมีข้อสรุป แต่ตอนหลังคุณป้าคู่กรณีไม่ยอม คุณปราณีจึงไปร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ ว่าตรงนี้น่าจะเป็นทางสาธารณะ อยากให้หน่วยงานต่างๆเข้ามาช่วยดูและตรวจสอบ ซึ่งตนได้เข้ามาดูและตรวจสอบตลอดเส้นทางจะมีหลักหมุดปักตลอดแนวเลียบคลองฝรั่ง ส่วนหน้าบ้านของคุณป้าคู่กรณีได้มีการปักป้ายว่าเป็นที่ส่วนบุคคล ตนมองว่าทางอบต.ควรใช้อำนาจที่มีอยู่มาทำการสำรวจพื้นที่ให้ชัดเจน และทำหนังสือหารือไปที่สำนักงานที่ดินเพื่อให้ออกมารังวัด หากเป็นทางสาธารณะทางอบต.ไทรน้อย จะได้เข้ามาดูแลและปรับปรุงพื้นที่เพื่อให้ใช้เข้า-ออกได้อย่างสะดวก แต่ถ้าหากพิสูจน์แล้วเป็นที่ส่วนบุคคล อันนี้ก็ต้องเป็นไปตามข้อตกลงที่ทำหนังสือบันทึกข้อตกลงกันไว้ เบื้องต้นตนว่าทางอบต.ไทรน้อย ต้องทำหนังสือไปสำนักงานที่ดินเพื่อให้เข้ามาสำรวจที่ดินตรงนี้เพื่อความชัดเจน
นายเพลิน วัดอักษร อายุ 57 ปี อาชีพวินจยย.รับจ้าง กล่าวว่า ตนใช้เส้นทางนี้เข้า-ออกมานานแล้ว เมื่อก่อนใช้เรือก็พายผ่านคลองนี้ ตนไม่รู้เรื่องปิดทางเพราะยังใช้ปกติ เมื่อก่อนเคยพูดคุยกับเจ้าของบ้านที่มาปิดกั้นทาง แต่พอตอนหลังก็ไม่คุยเพราะรู้ว่าเป็นคนยังไง ยืนยันว่าชาวบ้านใช้เส้นทางนี้เข้า-ออกมาเป็น 10 ปี ถ้าปิดกั้นจนไม่สามารถผ่านได้ก็คงต้องทำใจไปใช้ทางอื่น ที่ใช้ทางนี้เพราะมันสะดวก ไปโรงเรียน โรงพยาบาล สถานีตำรวจก็สะดวก หากยกที่ตรงนี้เป็นทางสาธารณะและให้หน่วยงานเข้ามาดูแลพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้น ชาวบ้านทุกคนก็หวังไว้แบบนั้น ทุกคนอยากให้มันเจริญ เพราะตรงนี้มันน่าจะเจริญตั้งนานแล้ว
