พบชายวัย 44ปี อยู่ภายในท่อระบายน้ำใกล้เคียงแยกยมราช ผู้ประสบเหตุอ้างว่า มีคนจะมาอุ้มจับตัวไป จึงหลบหนีไปอยู่ในท่อได้ประมาณ 4 วัน
ตำรวจสน.พญาไท รับแจ้งเหตุจากประชาชนพบชายอยู่ในท่อระบายน้ำใกล้เคียงแยกยมราช บริเวณซอยเพชรบุรี 2 แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมอุปกรณ์ออกให้การช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุบริเวณท่อตะแกรงเหล็กพบชายสวมเสื้อสีแดงติดอยู่ในท่อระบายน้ำ 1 ราย ซึ่งขณะนั้นฝนกำลังตกหนักและมีปริมาณน้ำขึ้นสูงประมาณหน้าอกของชายผู้ประสบเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ใช้อุปกรณ์พยายามที่จะงัดตะแกรงเหล็กออกมาเป็นไปด้วยความยากลำบาก ไม่สามารถงัดตะแกรงเหล็กออกมาได้ ต่อมาฝนหยุดตกระดับน้ำเริ่มมีการระบายลดลง จึงเปิดฝาท่อปูนที่อยู่ห่างไปประมาณ 10 เมตร ก่อนให้ผู้ประสบเหตุเดินมาอีกท่อหนึ่ง และใช้บันไดลงไปในท่อระบายน้ำนำตัวขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย ใช้เวลาในการช่วยเหลือประมาณ 1 ชั่วโมง
จากการตรวจสอบพบว่า มีประชาชนพลเมืองดีได้ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นฝนกำลังตกจึงได้จอดรถบริเวณใกล้เคียงฝาท่อระบายน้ำ เพื่อจะใส่เสื้อกันฝน ก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือ จึงได้พบชายอายุประมาณ 40-50 ปี อยู่ภายในท่อระบายน้ำ จากนั้นผู้ที่พบเห็นได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปที่ป้อมตำรวจที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ เพื่อประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ผู้พบเห็นได้ยินชายคนดังกล่าวบอกว่าลงไปอยู่ในท่อได้ 4 วันแล้ว
ภายหลังจากการช่วยเหลือตรวจสอบพบว่าชายคนดังกล่าวทราบชื่อต่อมา คือ นายยศกร จันน้ำใส อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ที่ 4 ต.กุดน้ำใส อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ มีสภาพร่างกายอ่อนแอ แขนและขาเปื่อยจากการแช่น้ำนาน สอบถามยังให้การวกไปวนมา พูดคุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ทั้งนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่ตกลงไปว่าเกิดจากอะไร
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลเพชรเวช เพื่อรักษาตัวต่อ
ด้านพ.ต.ท.โชติพิสิฐ ณรงค์ศักดิ์ รองผกก.ป.สน.พญาไท เปิดเผยว่า จากการสอบถามเบื้องต้นผู้ประสบเหตุอ้างว่า มีคนจะมาอุ้มจับตัวไป จึงหลบหนีไปอยู่ในท่อได้ประมาณ 4 วัน ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติยังไม่พบว่ามีประวัติอาชญากรรมแต่อย่างใด โดยชายคนดังกล่าวประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จะส่งพนักงานสอบสวนไปทำการสอบปากคำที่โรงพยาบาลเพิ่มเติม และให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนช่วยตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป