ตร.แถลงฯยึดยาบ้า 32 ล้านเม็ด ในช่วงสงกรานต์ หลังผู้ค้ายามักฉวยโอกาสช่วงหยุดยาว ที่จนท.ต้องดูแลปชช. ลำเลียงขนยาฯเข้าพื้นที่ชั้นในของประเทศ
พลตำรวจโทสำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับพลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, พลตำรวจโทคีรีศักดิ์ ตันตินวชัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวผลการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญทั่วประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ค้ายามักจะฉวยโอกาสที่เจ้าหน้าที่ต้องดูแลประชาชนเป็นหลักไปลำเลียงยาเสพติดเข้าพื้นที่ชั้นในของประเทศ
โดยพลตำรวจโทสำราญกล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9, กองบัญชาการตำรวจนครบาล , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้ร่วมบูรณาการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศกว่า 300 เครือข่าย 703 เป้าหมายทั่วประเทศ ผลปฏิบัติการสามารถจับกุมคดียาเสพติดได้ 421 คดี ผู้ต้องหา 465 คน ตรวจยึดของกลางยาบ้า 11,800,000 เม็ด ไอซ์ 936 กิโลกรัม เคตามีน และยาเสพติดอื่น ๆ จำนวนมาก ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน เช่น เงินสด อาวุธปืนและเครื่องกระสุน ทองรูปพรรณ รถยนต์ รวมทั้งหมดกว่า 1,520 รายการ มูลค่ารวมกว่า 367 ล้านบาท ซึ่งจากการร่วมปฏิบัติการในทุกมิติทั้งปราบปรามและสกัดกั้น ตั้งแต่การสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน จับกุมผู้ค้ารายย่อยในชุมชนม และนำผู้เสพเข้าบำบัดในชุมชน รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายฟอกเงินและมาตรการยึดทรัพย์ ทำให้มีสถิติผลปฏิบัติการเพิ่มมากขึ้นกว่าเช่นเดียวกันปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด
ด้านพลตำรวจโทคีรีศักดิ์กล่าวว่า ในจำนวนนี้มีปฏิบัติการสำคัญของของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ที่สามารถจับกุมเครือข่ายรายใหญ่ได้ทั้งหมด 8 เครือข่าย เป็นเครือข่ายที่มียาบ้ามากกว่า 2 ล้านเม็ดมากถึง 6 เครือข่าย จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 22 คน ตรวจยึดยาบ้า 32 ล้านเม็ด ไอซ์ 4.5 กิโลกรัม และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่าประมาณ 5,600,000 บาท คาดว่าจะสามารถขยายผลยึดทรัพย์ได้เพิ่มเติมอีกถึงกว่า 50 ล้านบาท พร้อมยืนยันว่าการสกัดกั้นจับกุมยาเสพติดทั้งรายย่อยและรายใหญ่ในแต่ละพื้นที่มากขึ้น จะส่งผลให้การลำเลียงยาเสพติดทำได้ยากขึ้น นำไปสู่การลดความต้องการซื้อและขาย และลดปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในชุมชนได้ จึงคาดว่าจะสามารถลดความต้องการขายลงได้ภายใน 2-3 ปีนี้
ด้านพลตำรวจโทภาณุรัตน์กล่าวว่า จากการประกาศนโยบายซีลพื้นที่ชายแดนตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 จนถึงปัจจุบันสามารถจับกุม สกัดกั้น และตรวจยึดยาเสพติดที่ลักลอบลำเลียเข้ามาตามชายแดนได้เพิ่มมากขึ้นถึง 1 เท่าตัว และเร็ว ๆ นี้จะขออนุมัติบอร์ด ป.ป.ส. เพิ่มพื้นที่ซีลชายแดน ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ เช่น จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน น่าน พะเยา เลย บึงกาฬหนองคาย มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดทะลักเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น และต้องดำเนินการควบคู่ไปกับโครงการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย เพื่อลดการกระจายยาเสพติดในชุมชนซึ่งพบว่าสามารถจับกุมได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 46 จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าภายในปี 2567 นี้จะจับผู้ค้ารายย่อยในชุมชนให้ได้ถึง 100,000 ราย