ซ้ำชัด! บิ๊กต่ายยึดกม.ปมสั่งปลด บิ๊กโจ๊ก ออกจากราชการ แจงตั้ง สราวุฒิ ประธานฯสอบวินัย เพราะเป็นกลางที่สุด
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( รรท.ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงการตั้ง พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งเป็นประธานคณะกรรมการวสอบสวนวินัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกับพวก กรณีตกเป็นผู้ต้องหาฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ และได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 โดยทางคณะกรรมการฯได้นัดประชุมครั้งแรกเพื่อกำหนดแนวทางการทำงานไปเมื่อวานที่ผ่านมาว่า โดยระบุว่า ในส่วนของผลการสอบสวนเรื่องดังกล่าวคงไม่มีการเสนอหรือรายงานในที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการหรือก.ตร.ในวันนี้ เพราะเป็นวาระที่ฝ่ายเลขานุการได้กำหนดไว้คิดว่าเป็นเรื่องของการประชุม ตนคงไม่ออกมาเปิดเผยอะไร และถ้ามีการเสนอวาระก็ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ตนเองคงไม่ได้เข้าพิจารณาด้วย
ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร้องเรียนตนเองนั้นยืนยันว่าไม่กังวลและยังมั่นใจว่าในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร.ก็ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจที่มีอยู่ ตามที่กองวินัยได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนรายงานต้องคดีของ พล.ต.อ.สุเรชษฐ์ และเสนอความเห็นให้ตนดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 ส่วนเรื่องร้องเรียนตอนนี้มีกี่เรื่องตนยังไม่ทราบ
ส่วนความคืบหน้าคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตนได้สอบถามความคืบหน้าจาก พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานในหน้าที่ของพนักงานสอบสวนอยู่ ได่รับทราบเพียงเท่านี้
รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนได้รับทราบเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีหนังสือยื่นคัดค้านในเรื่องคณะกรรมการสอบสวนวินัยบางท่าน ที่มีความยัดแย้ง โดยยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นสิทธิ์โดยถูกต้องและชอบธรรมของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกฎ ก.ตร. แต่ขั้นตอนต่อไป ตนได้สั่งการให้กองวินัยไปพิจารณาและเสนอความเห็นว่าคณะกรรมการท่านใดขัดต่อคุณสมบัติที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นคัดค้านไปหรือไม่ หากขาดคุณสมบัติ ก็จะต้องมีการพิจารณาเปลี่ยนตัวเพื่อไม่ให้เป็นกรรมการฯ ถือว่าเป็นกระบวนการให้ความเป็นธรรมและเป็นการถ่วงดุลระหว่างคณะกรรมการฯ กับผู้ถูกกล่าวหา แต่ถ้าฝ่ายวินัยพิจารณาแล้วเห็นว่าคณะกรรมการที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นคัดค้าน ไม่ขัดต่อคุณสมบัติที่กฎ ก.ตร. กำหนดไว้ คณะกรรมการฯก็จะดำเนินการสอบสวนพิจารณาทางวินัยต่อไป เบื้องต้น ไม่ได้วางกรอบระยะเวลาไว้ เพราะคณะกรรมการสอบสวนมีกรอบเวลาตามที่กำหนดไว้ตาม กฎ ก.ตร.อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ พล.ต.อ.สราวุฒิ ในฐานะประธานฯ จะสอบสวนพิจารณาตามขั้นตอน
ส่วนจะสอบสวนแล้วเสร็จก่อนที่ พล.ต.อ.สราวุฒิ จะเกษียณอายุราชการหรือไม่ ระบุว่า เรื่องกรอบระยะเวลาเป็นเรื่องภายใน รวมถึงเรื่องการขยายเวลาด้วย พล.ต.อ.สราวุฒิ อาจจะสอบสวนแล้วเสร็จก่อนเกษียณอายุก็ได้ หรืออาจจะต้องใช้เวลาในการสอบสวนเป็นระยะเวลานานก็ได้ ส่วนที่ตั้ง พล.ต.อ.สราวุฒิ เป็นประธานฯ เพราะเห็นว่าอยู่ในจุดมีความเป็นกลางที่สุดแล้ว เพื่อให้ความเป็นธรรมระหว่างข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับผู้ถูกกล่าวหา ส่วนที่ พล.ต.อ.สราวุุฒิ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่ารู้สึกตกใจที่ถูกตั้งเป็นประธานคณะกรรมการฯทั้งที่ใกล้เกษียณแล้วนั้น ระบุว่า ขออย่าใช้คำว่าตกใจ เพราะเป็นข้าราชการตำรวจก็ต้องมีหน้าที่รับภารกิจต่าง ๆ โดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่พล.ต.อ.สราวุฒิ ไม่มั่นใจว่าจะเสร็จทันก่อนเกษียณนั้นมองว่าไม่มีคำว่ามั่นใจ เพราะเป็นเรื่องที่ประธานและคณะกรรมการต้องพิจารณาตามขั้นตอนหรือกระบวนการที่กำหนดไว้ในกฎ ก.ตร.และกฎหมาย
หากการสอบสวนไม่แล้วเสร็จก่อนที่ พล.ต.อ.สราวุฒิ เกษียณ ก็ต้องไปดูในวันที่เกษียณว่ายังเหลือรอง ผบ.ตร.ท่านใดบ้าง แต่ก็ยังยึดหลักความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาเสมอ รวมถึงต้องพิจารณาไปตามกฏหมายและระเบียบ ก.ตร.ที่กำหนดไว้ พร้อมยืนยันว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงเด็ดขาด
ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ปฎิเสธกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เชิญตนไปให้ข้อมูลที่ทำเนียบรัฐบาล ยืนยันว่ายังไม่ทราบกระแสข่าว ส่วนที่มีประเด็นว่าจะมีการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.โดยการดึงผู้ช่วยฯ ผบ.ตร.ขึ้นมา ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มี ตอนนี้เป็นนายพลที่จะเกษียณอายุราชการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ซึ่งใช้ข้อกำหนด ก.ตร.ปี 2566 ผ่านมติเห็นชอบเพื่อนำมาใช้ และยืนยันว่าไม่มีนายพลที่จะมอบหมายให้เป็นพลเอก
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าลูกน้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร้องเรียนว่าถูกทำร้ายร่างกาย
ขณะนี้ยังไม่ทราบ แต่หากเกิดขึ้นจริงก็มีหลายช่องทางที่สามารถร้องเรี่ยนได้ เช่น เป็นคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. ร้องเรียนตามระบบต่อผู้บังคับบัญชาของ ตร. ก็ได้ แต่เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด